ฟูจิซัง ภูเขาที่สูงที่สุด ในญี่ปุ่นด้วยความสูง 3,776 เมตร โดยเป็นผลจากการปะทุ ของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 100,000 ปีที่แล้ว ในปัจจุบัน ภูเขาไฟ ฟูจิและบริเวณโดยรอบเป็นพื้นที่ นันทาการยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการปีนเขา ตั้งแคมป์ และพักผ่อน
นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ต่างพากันมายังจังหวัดชิซุโอกะ และจังหวัดยามานาชิ เพื่อชมภูเขาสูงใหญ่ที่น่าประทับใจอันเป็นหนึ่ง ในสัญลักษณ์ที่โดดเด่น ที่สุดของประเทศ อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้ว ภูเขาไฟ ฟูจิ เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญ ทางจิตวิญญาณ และแหล่งสร้างแรงบันดาลใจ ทางศิลปะมาอย่างช้านาน
เมื่อราวๆ ค.ศ.600 – 700 ในช่วงที่นารา และเกียวโตคือเมืองหลวงของญี่ปุ่น ในตอนนั้นญี่ปุ่นไม่มีสิ่งก่อสร้างที่แบ่งเขตแดน อย่างจีนหรือประเทศตะวันตก เคล็ดลับโกงอายุ ที่มักจะมีกำแพงหรือประตูเมือง แต่จะใช้ภูเขาเป็นตัวแบ่งเขต
หลายคนที่ต้องเดินทางมาเอโดะ (หรือโตเกียวในปัจจุบัน) จะไม่รู้เลยว่าตัวเองเข้าเขตเอโดะหรือยัง ต้องอาศัยภูเขาเป็นตัวสังเกต ipro911 คาสิโน หากมาทางเหนือ ต้องเห็นภูเขาสึกุบะ แต่ถ้าเข้ามาทางตะวันตก (เส้นทางยอดนิยม) ต้องเห็นภูเขาไฟฟูจิ นั่นแหละ แสดงว่าคุณมาถึงเอโดะแล้ว
นอกจากจะเป็นแลนด์มาร์ก บอกเขตแดนของเอโดะ ฟูจิซัง ผลงานภาพพิมพ์แกะไม้ของ ‘คะสึชิกะ โฮะกุไซ’ ศิลปินชั้นครูในสมัยเอโดะ ยังแสดงให้เห็นถึงความผูกพัน ของชาวเอโดะกับภูเขาไฟฟูจิ ที่ปรากฎอยู่ในทุกกิจกรรม ทั้งเป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาล งานศิลปะ รวมถึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเวลาเดียวกัน
ฟูจิกลายเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลังจากศตวรรษที่ 7 ที่มีพระของศาสนาชินโต เดินขึ้นภูเขาไฟฟูจิได้เป็นคนแรก และสร้างศาลเจ้าชินโตไว้บนนั้น ทำให้ต่อมามีนักพรตเริ่มขึ้นไปอาศัยอยู่บนฟูจิ
เพราะเชื่อว่าเป็นที่ของเทพเจ้า และมีวิญญาณของบรรพบุรุษสถิตย์อยู่ เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างคนที่อยู่ด้านล่าง และเทพเจ้าที่อยู่ด้านบน ต่อมา กลุ่มทางศาสนาที่เรียกว่า ‘ฟูจิโค’ (Fuji kō) ในสมัยเอโดะ ได้ริเริ่มกิจกรรมการเดินขึ้นฟูจิ ในฐานะการออกกำลังกายทางศาสนา
สมาชิกของ ‘ฟูจิโค’ จะรวมตัวกันไปเทรคกิ้ง โดยเริ่มจากการเคารพศาลเจ้า บริเวณเชิงเขา เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคลุมสีขาว แล้วเดินขึ้นไปเป็นกลุ่ม เพื่อสักการะศาลเจ้าชินโตที่อยู่ด้านบน ก่อนจะแบ่งกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 20-30 คน แยกย้ายกันเดินลงในเส้นทางที่ต่างกัน แล้วไปค้างคืน รวมถึงพักกินอาหารและเครื่องดื่ม ณ หมู่บ้านที่อยู่ด้านล่าง
ทริปดังกล่าว จัดเป็นแพ็คเกจรวมอาหาร ที่พัก และไกด์นำทาง ซึ่งเส้นทางที่กลุ่มฟูจิโคบุกเบิกไว้ ต่อมาได้กลายเป็นเส้นทางเทรคกิ้ง ภูเขาไฟฟูจิที่ใช้อยู่ จนถึงปัจจุบัน จากภูเขาที่มีสถานะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และการเดินขึ้นฟูจิเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ทางศาสนาที่มีแต่ผู้ชายเหยียบย่างได้เท่านั้น
สถานะของฟูจิก็เดินมาถึงจุดเปลี่ยนในปี 1872 เมื่อทางการญี่ปุ่นประกาศให้ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการเดินขึ้นฟูจิ ไม่เพียงแต่ผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้ปีนภูเขา ตอนนั้นกลุ่มเคร่งครัดศาสนาไม่พอใจ และออกมาต่อต้าน
จนกระทั่งกลางศตวรรษที่ 19 จึงเป็นที่ยอมรับกันได้ว่า ฟูจิไม่ใช่สิ่งต้องห้ามแล้ว แต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและรายได้ที่มั่นคงสำหรับประชาชนชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฟูจิก็กลายเป็นแลนด์มาร์ก ที่ญี่ปุ่นใช้เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาลจนถึงปัจจุบัน
สำหรับ “ฟูจิ” ออกเสียงพ้องกับ “บูจิ” (無事) ที่แปลว่า ปลอดภัย มีสุขภาพดี เหยี่ยว ภาษาญี่ปุ่นคือ ทากะ (鷹) มีเสียงพ้องกับ “ทาไก้” (高い) ที่แปลว่า สูง เปรียบได้กับโชคลาภที่จะมีมากและสูงขึ้นเรื่อยๆ มะเขือม่วง ภาษาญี่ปุ่นคือ นาซุ (茄子) มีเสียงพ้องกับ “นาซุ” (成す) ที่แปลว่า บรรลุผล ฉะนั้น หากใครไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงปีใหม่ แล้วฝันเห็นฟูจิ ปีนั้นคุณจะมีสุขภาพดีทั้งปีเลยทีเดียว